น้ำมันคริลล์ต่างกับน้ำมันแซลมอนยังไง

น้ำมันคริลล์

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่านได้เลย

 

อันดับแรกมาทำความรู้จักน้ำมันคริลล์ (Krill Oil) กัน!

สวัสดีค่ะ หลายๆคนอาจสงสัยว่าน้ำมันคริลล์ (Krill oil) คืออะไรใช่มั้ยคะ วันนี้เราจะมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ น้ำมันคริลล์ (Krill oil) มากขึ้นกันค่ะ

น้ำมันคริลล์ (Krill oil) เป็นน้ำมันสกัดจากกุ้งขนาดเล็ก ซึ่งแหล่งที่มานั้นจะมาจากมหาสมุทรแอนตาร์กติก และประกอบไปด้วย EPA และ DHA

สำหรับข้อดีที่ของน้ำมันคริลล์ที่เหนือชั้นกว่าและแตกต่างจากมันปลาอย่างชัดเจนเลยคือ น้ำมันคริลล์นั้นมีความสามารถในการดูดซึมไปใช้ได้ดีแม้ไม่ได้กินพร้อมอาหาร นอกจากนั้นยังมี Astaxanthin ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามิน E มากถึง 500 เท่า! รวมทั้งต้นกำเนิดของคริลล์จะมีสารปนเปื้อนที่น้อยกว่า และค่อนข้างบริสุทธิ์มาก เพราะเป็นสิ่งมีชีวิตลำดับแรกๆในห่วงโซ่อาหารที่อยู่ลึกลงไปในมหาสมุทรนั่นเอง

Krilloil

ประโยชน์ของ Omega-3, 6 และ 9 สำหรับสุนัขและแมว

น้ำมันคริลล์อุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิด Omega-3, 6 และ 9

  • กรดไขมัน Omega-3

ในกรดไขมัน Omega-3 จะประกอบไปด้วยสารสำคัญอยู่ 2 ชนิด นั่นก็คือ กรดไขมัน EPA (Eicosapentaenoic Acid) และกรดไขมัน DHA (Docosahexaenoic Acid) ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดภาวะไขมันในเลือดสูงและช่วยปรับสมดุลได้ โดยเฉพาะกรดไขมัน EPA นั้นมีส่วนช่วยในการลดไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ ซึ่งเป็นไขมันไม่ดีต่อร่างกาย ก่อให้เกิดปัญหาหลอดเลือดตีบหรือตันได้ นอกจากนั้นกรดไขมัน EPA ยังมีคุณสมบัติที่ช่วยลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด จึงทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่นมากขึ้นอีกด้วย

  • กรดไขมัน Omega-6

ในกรดไขมัน Omega-6 นั้นเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ประกอบไปด้วยกรดลิโนเลอิก (Linoleic Acid) และกรดอะราคิโดนิก (Arachidonic Acid) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการสร้างสารพรอสตาแกลนดิน ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคต่างๆ ได้ โดยมีคุณสมบัติในการลดไขมันคอเลสเตอรอลรวม (Total Cholesterol) และลดไขมันคอเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL- Cholesterol) นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มไขมันคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL-Cholesterol) มีส่วนช่วยลดภาวะไขมันในเลือดสูง ลดการอุดตันไขมันที่หลอดเลือดได้ ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ส่งผลให้อวัยวะสำคัญของร่างกายอย่างสมองและหัวใจทำงานได้เป็นปกติและมีประสิทธิภาพ

  • กรดไขมัน Omega-9

ในกรดไขมัน Omega-9 นั้นเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ประกอบไปด้วยกรดโอเลอิก (Oleic Acid) และกรดอีรูซิก (Erucic Acid) ที่สามารถช่วยลดไขมันคอเลสเตอรอลเป็นหลักทั้งไขมันคอเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL-Cholesterol) และไขมันคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL-Cholesterol) มีผลต่อการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดให้เลือดไหลเวียนได้ดี จึงทำให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างปกติ ดังนั้นจึงเป็นตัวที่ช่วยลดไขมันในเลือดสูง และป้องกันโรคกลุ่มหลอดเลือดตีบตันได้

นอกจากกรดไขมันทั้ง 3 (Omega-3, 6 และ 9) ที่ช่วยลดระดับไขมันในเลือดสูงให้สมดุลแล้ว สารสกัดจากกุ้งขนาดเล็ก(คริลล์)ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) ซึ่งก็สามารถช่วยลดภาวะไขมันในเลือดสูงได้อีกด้วย นอกจากนั้นยังสามารถกำจัดอนุมูลอิสระได้ดีกว่าวิตามินซี วิตามินอี และเบต้าแคโรทีน มีผลต่อการป้องกันและชะลอความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ได้ รวมถึงช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น

น้ำมันคริลล์ (Krill Oil) มีข้อดีกว่าน้ำมันปลา (Fish Oil) ยังไง?

หลายคนจึงเข้าใจว่า Krill Oil กับ Fish Oil น่าจะคล้ายๆกัน แต่จริงๆแล้ว เจ้า Krill Oil มีคุณประโยชน์ที่มากกว่าเพราะ Krill Oil ประกอบด้วย Omega 3 ที่จับอยู่กับ Phospholipids ซึ่งเป็นรูปแบบที่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี

ในขณะที่น้ำมันปลา Fish Oil เป็น omega 3 ที่จับกับ triglycerides ซึ่งเป็นไขมันชนิดหนึ่งที่ไม่ละลายน้ำ ทำให้เวลารับประทาน Fish Oil กระเพาะอาหารจะต้องใช้ตัวช่วยก็คือ Emulsifier เพื่อให้ Fish Oil รวมตัวกับน้ำและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้

ดังนั้นในแง่ของการดูดซึม Krill Oil จะดีกว่า Fish Oil นอกเหนือจากนั้น หากลองสังเกตที่ตัวของคริลล์จะพบว่ามีสีแดง ซึ่งเกิดจากส่วนประกอบที่สำคัญ คือ Astaxanthin ที่เป็นสุดยอดของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเบต้าแคโรทีน (beta-carotene) 50 เท่า, ลูทีน (Lutein) 5 เท่า, วิตามินC 60 เท่า และวิตามิน E ถึง 500 เท่าเลยทีเดียว

Krilloil

สรุป ทำไมถึงต้องเลือกน้ำมันคริลล์ Krill Oil มากกว่า Fish Oil

– สามารถช่วยลดไขมันคอเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL- Cholesterol) และเพิ่มไขมันคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL-Cholesterol) มากกว่าน้ำมันปลา
– ช่วยลดการอักเสบทั่วร่างกาย บำรุงข้อต่อและกระดูก ลดอาการปวด จึงเหมาะกับสุนัขและแมวที่มีปัญหาความเสื่อมของข้อต่อต่างๆ
– สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่าน้ำมันปลา
– มีกลิ่นที่หอม น่ารับประทาน เพิ่มความอยากอาหาร
– มีความบริสุทธิ์สูง ปลอดโลหะหนัก
– มี Astaxanthin ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามิน E ถึง 500 เท่า!!

สามารถสังเกตความแตกต่างระหว่างน้ำมันคริลล์ได้ยังไงบ้าง?
การดูความแตกต่างระหว่างน้ำมัน 2 ชนิดนี้ สามารถแยกได้ด้วยตาเปล่าเลย
น้ำมันคริลล์จะมีสีแดงเข้ม และ น้ำมันปลาจะสีเหลืองออกใสกว่า

น้ำมันคริลล์เหมาะกับใครบ้าง?

น้ำมันคริลล์นั้นจริงๆแล้วเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของมนุษย์ที่น้องหมาและน้องแมวสามารถทานเพื่อบำรุงและรักษาสุขภาพได้เช่นกันค่ะ หากจะเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสักตัวหรือมองหาน้ำมันคริลล์อยู่แล้วหล่ะก็ เราคือเจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทยที่จำหน่ายน้ำมันคริลล์แท้ 100% ไม่ผสมน้ำมันปลา

FLOOF FLOOF น้ำมันคริลล์ (Krill Oil) แท้จากมหาสมุทรแอนตาร์กติก พรีเมี่ยม 100% ‍🔥
อุดมไปด้วย OMEGA 3, 6 และ 9 (EPA และ DHA)

มี Astaxanthin ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามิน E ถึง 500 เท่า!!

Krilloil

 กลิ่นหอม ทานง่าย รสชาติที่น้องหมาและน้องแมวรัก 🐶🐱

  • ส่งเสริมการทำงานของระบบและอวัยวะต่างๆ เช่น สายตา หัวใจ, ไตและสมอง
  • บำรุงเส้นขนและผิวหนังให้สวยงามแข็งแรง
  • เสริมสร้างภูมิต้านทาน ช่วยลดอาการคันที่เกิดจากสารก่อภูมิแพ้
  • กระตุ้นความอยากอาหาร มีกลิ่นหอมกว่า Fish Oil
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องร่างกายจากรังสี UV ที่ทำให้ผิวหนังถูกทำลาย
  • ช่วยลดการสะสมไขมันในผนังหลอดเลือด, ลดไขมัน LDL และไตรีกลีเซอไรด์
  • ช่วยลดการอักเสบทั่วร่างกาย บำรุงข้อต่อและกระดูก จึงนิยมใช้เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาสุนัขและแมวที่มีปัญหาความเสื่อมของข้อต่อต่าง ๆ (Osteoarthritis)
  • ดีต่อน้องหมา-น้องแมวในขณะตั้งท้องและให้นม กรดไขมันที่ดีจะส่งผลที่ดีต่อระบบสืบพันธุ์และเสริมสร้างภูมิต้านทานที่ดีให้กับลูกสัตว์อีกด้วย

 

✅ Human Grade

✅ ปราศจากการปรุงแต่งสีและกลิ่น

✅ ปราศจากสารเจือปน วัตถุกันเสีย

FLOOF FLOOF